การทำงานอย่างมีเป้าหมายเพื่อความสำเร็จขององค์กร
(Goal Setting for High PerformanceAchievement)
หลักการและเหตุผล
ในสภาวการณ์ที่มีการแข่งขันสูง องค์การต่างๆ ต้องเผชิญกับปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันในเชิงการตลาด หรือการให้บริการที่มากขึ้น ทุกองค์กรต่างต้องพัฒนาทั้งเทคโนโลยี วิทยาการต่างๆ ซึ่งทำให้ผู้บริหารต้อง เพิ่มพูนศักยภาพในการบริหารงานมากขึ้น โดยเฉพาะหัวใจสำคัญนั้นคือ “ทรัพยากรบุคคล” ในองค์กรนั่นเองที่ ทุกฝ่ายจะต้องประสานความร่วมมือ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อให้การปฏิบัติงานบรรลุตามเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้น บุคลากรในองค์กร จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ วิธีการเสริมสร้างขีดความสามารถในตนเอง สร้างแรงจูงใจ เพื่อก่อให้เกิดปัญญา จนนำไปสู่ความสำเร็จแห่งการบรรลุเป้าหมายขององค์กร และในชีวิตของตนเอง อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาศักยภาพและวุฒิภาวะทางอารมณ์ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับงานที่ตนเองรับผิดชอบ จนนำไปสู่การสร้างประสิทธิภาพและประสิทธิผลขององค์กรต่อไป
นอกจากการมีทัศนคติที่ดีต่อการทำงานแล้ว ยังจำเป็นต้องมีหลักคิดที่มีประสิทธิภาพ ที่ทำให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลด้วย หลักสูตรนี้จึงพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ทั้งเทคนิคและวิธีในการพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานอย่างเป็นระบบ ผ่านการฝึกปฏิบัติ ทำกิจกรรมและระดมสมองที่จะทำให้ผู้อบรมเข้าใจและสามารถประยุกต์ใช้ได้ด้วยตนเองเมื่อปฏิบัติงานจริง
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
- เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเรียนรู้ทักษะของการทำงานและประสานความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพ
- เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ความเข้าใจในการบริหารงานทั้งของตนเองและของทีมงานมีประสิทธิภาพ
- เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้เรื่องการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานต่อไป
หัวข้อการสัมมนา
CHAPTER 1: เทคนิคการตั้งเป้าหมายเพื่อการทำงานเชิงรุกด้วยทัศนคติเชิงบวก
- ความสำคัญของการตั้งเป้าหมายและการพิชิตเป้าหมาย
- หลักการและวิธีการกำหนดเป้าหมายด้วย SMART Goal Setting
- เทคนิคตั้งเป้าหมายให้ทรงพลังเพื่อสร้างความสาเร็จ
- เป้าหมายชีวิตที่สมดุลทั้งชีวิตการงานและชีวิตส่วนตัว
- วิเคราะห์และสร้างความสอดคล้องระหว่างเป้าหมายของตนเองและองค์กร
- สร้างทัศนคติเชิงบวกและแรงจูงใจในการทำงานรุกด้วยกระบวนการ Coaching
- การวางแผนการทางาน Action Plan และกระบวนการทำงานแบบ PDCA
- การประเมินผลเพื่อปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงาน
CHAPTER 2: เทคนิคการบริหารเวลาและบริหารผลงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- ความสำคัญของการบริหารเวลาเพื่อให้ได้ผลงานที่มีประสิทธิภาพ
- เข้าใจศักยภาพและกระบวนการทำงานของสมอง
- หลักพิจารณาใช้เวลาและสมองให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- การจัดลำดับความสำคัญของงานตามศักยภาพของสมอง
- เทคนิคและกลยุทธ์ในการบริหารเวลาเพื่อให้งานมีประสิทธิภาพ
- เทคนิคการพัฒนาศักยภาพตนเองจากภายใน 4 Level Learning
CHAPTER 3: เทคนิคการสื่อสารและการประสานงานเพื่อประสิทธิภาพของงาน
- ประโยชน์ของการสื่อสารสัมพันธ์ภาพและความไว้ใจที่มีผลต่อประสิทธิภาพของทีม
- ART : ศิลปะการสื่อสารและการสร้างความไว้วางใจในทีมงาน
A : Approach : การเข้าหาตามสภาวะการณ์และพฤติกรรมของคนในที่ทำงาน
- เข้าใจความแตกต่างและลักษะการทำงานของแต่ละบุคคล
- การอ่านและเข้าใจคนแต่ละประเภทและการประยุกต์ใช้กับบริบทของการทำงานอิทธิพลของความแตกต่างทางบุคลิกภาพอันส่งผลต่อความไว้วางใจและความขัดแย้งของผู้คน
R : Rapport : เทคนิคการสร้างความสัมพันธ์ด้วยสะพานเชื่อมใจ เทคนิคการสื่อสารและทำงานกับคนที่แตกต่างให้ได้ทั้งใจและได้ทั้ง
T : Trust : การสร้างความไว้วางใจที่แท้จริงกับทีมงาน
- การเข้าถึงความรู้สึก
- การเข้าถึงความต้องการคุณค่าเจตนา
- การเข้าถึงความหมายที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังคาพูด
- กระบวนการสร้างและรักษาความไว้วางใจในทีมงาน
- เทคนิคการประสานงานกับคนต่างสไตล์ให้ได้ทั้งใจและได้ทั้งงาน
รูปแบบการสัมมนา
- การบรรยายแบบมีส่วนร่วม(Participative Technique) 60 %
- กิจกรรมการสร้างทัศนคติเชิงบวก(Positive Attitude) 30 %
- Workshopและสื่อมัลติมีเดีย(Audio & Visual) 10 %
หลักสูตรเหมาะสาหรับ
- หลักสูตรนี้เหมาะสาหรับพนักงานในองค์กรทุกระดับตั้งแต่ระดับปฏิบัติการจนถึงระดับจัดการเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานให้มีมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานให้มีมากขึ้น
ระยะเวลาในการอบรม
- 1 วัน (09.00 – 16.00 น. )
วิธีและกระบวนการเรียนรู้
ผู้เข้าอบรมจะได้เรียนรู้ผ่านเทคนิคผสม (integration techniques) ที่ผสานกันอย่างลงตัวในการสร้างและพัฒนากระบวนการเรียนรู้ โดยมี 3 เทคนิคหลักที่สาคัญดังนี้
- Training & Group Coaching คือ ศาตร์ที่ผสานระหว่างการถ่ายทอดความรู้ในรูปแบบการบรรยาย และการโค้ชชิ่งที่กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการตระหนักรู้ และเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ของ ตนเองจนสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างยั่งยืนด้วยตนเอง
- Activity Base Learning คือ เน้นการเรียนรู้แบบผู้ใหญ่ (Adult learning) โดยการนำกิจกรรมเข้ามาขับเคลื่อนกระบวนการ ภายใต้แนวคิด “เพลิน” (PLEARN = Play + Learn) ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการแลกเปลี่ยนแนวคิด ประสบการณ์ และแนวทางปฏิบัติต่างๆที่สอดคล้องตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตร ผ่านการการทำกิจกรรม แบ่งกลุ่มอภิปราย ระดมสมอง และวิเคราะห์กรณีศึกษา
- Brain Base learning คือ การใช้ศาสตร์ทางกายภาพด้านสมอง เข้ามาช่วยสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้เข้าใจความคิด และพฤติกรรมของตนเองและผู้อื่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลต่อ การเรียนและการนาไปใช้ได้อย่างเข้าใจและมีประสิทธิภาพกรอบแนวคิด (Conceptual Framework)