news
ข่าวสารและบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้
In-house Training
พ.ร.บ. กฎหมายแรงงาน แก้ไขใหม่ล่าสุด
พนักงาน ลูกจ้าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ความสามารถหรือใช้แรงงานในการทำงาน ทุกคนล้วนเป็นสิ่งที่คอยขับเคลื่อนเศรษฐกิจว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน ซึ่งการทำงานแต่ละที่ พนักงาน ลูกจ้างอย่างเราก็คงไม่ได้เจอเจ้านายที่ดีไปซะทุกคนแต่วันนี้!! มาแล้วจ้า มาแล้ว ข่าวดีสำหรับชาวใช้แรงงานอย่างเราๆ เพราะ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ร่างกฎหมายแรงงานล่าสุด เพิ่มสิทธิให้ลูกจ้างอีกเพียบ แหม่ๆ อย่างนี้ก็ค่อยชื่นใจยิ้มกันออกหน่อย
กฎหมายแรงงาน
กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน หมายถึง กฎหมายที่บัญญัติถึงสิทธิและหน้าที่ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง โดยกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำในการใช้แรงงานและ
การจ่ายค่าตอบแทนในการทำงาน ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกจ้างทำงานด้วยความปลอดภัย มีสุขภาพอนามัยดี ได้รับค่าตอบแทนและสวัสดิการตามสมควร
กฎหมายแรงงาน เป็นกฎหมายที่กำหนดแนวทางปฏิบัติต่อกันระหว่างบุคคลสองฝ่าย คือฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้าง เพื่อให้บุคคลทั้งสองฝ่าย
ได้มีความเข้าใจต่อกันสามารถตกลงในเรื่องสิทธิหน้าที่และผลประโยชน์ในการทำงานร่วมกันได้
รวมทั้งกำหนดวิธีการยุติข้อขัดแย้งหรือข้อพิพาทแรงงานที่เกิดขึ้นให้ยุติลงโดยรวดเร็ว ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความสงบสุขในสถานประกอบกิจการ
ซึ่งจะส่งผลถึงเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2560
จากการที่ ครม. มีมติเห็นชอบในหลักการร่างแก้ไข กฎหมายคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2560 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน
เป็นการเพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่ให้แก่ลูกจ้าง โดยร่างกฎหมายมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้นายจ้างที่ผิดนัดการจ่ายเงินแก่ลูกจ้าง ต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ลูกจ้างที่อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีของค่าจ้าง
2. เมื่อเปลี่ยนแปลงตัวนายจ้าง ต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้างและนายจ้างใหม่ก่อนรับไปทั้งสิทธิหน้าที่
3. กำหนดให้ลูกจ้างชายและหญิง หากทำงานในประเภทเดียวกัน มีปริมาณงานและคุณภาพของงานรูปแบบเดียวกัน ต้องได้รับค่าจ้างเท่าเทียมกันโดยไม่แบ่งเพศ
4. กำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิลากิจธุระจำเป็น โดยได้รับค่าจ้างไม่น้อยกว่า 3 วันทำงานต่อปี
5. กำหนดให้ลูกจ้างสามารถลาตรวจครรภ์ 90 วัน ก่อนคลอดบุตรได้ โดยได้รับค่าจ้างไม่น้อยกว่า 45 วัน
6. กำหนดอัตราค่าชดเชยเพิ่มเติมกรณีที่นายจ้างเลิกจ้าง หากทำงานติดต่อกันครบ 20 ปีขึ้นไป ให้รับค่าชดเชยไม่ต่ำกว่าค่าจ้างอัตราสูงที่สุด จำนวน 400 วัน จากเดิมกำหนดว่า หากทำงานครบ 10 ปี ให้รับค่าจ้างชดเชย 300 วัน
ซึ่งนอกจากนี้ก็ยังมีการปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแรงงานบ้างบางประการ คือ
1. กำหนดเพิ่มเติมนิยาม “ค่าตอบแทน” ในมาตรา 5 หมายถึงเงินที่นายจ้างให้แก่ลูกจ้างเป็นค่าตอบแทนการทำงาน นอกจากค่าจ้างค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด
2. กำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้าง
3. กรณีนายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการ ลูกจ้างมีสิทธิของ “ค่าชดเชยพิเศษ” ในอัตราเดียวกับชดเชยเลิกจ้าง
4. กำหนดให้เวลาการจ่ายค่าชดเชยพิเศษหรือค่าชดเชยพิเศษแทน การบอกกล่าวล่วงหน้าให้ แก่ลูกจ้างโดยเริ่มนับตั้งแต่วันที่สัญญาจ้างสิ้นสุด
5. กำหนดให้การดำเนินคดีอาญาต่อนายจ้างเป็นอันระงับไป หากนายจ้างปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการสวัสดิการแรงงาน หรือกรณีนายจ้างนำคดีไปสู่ศาล และได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลแล้ว
6. กำหนดให้การดำเนินคดีอาญาต่อนายจ้างเป็นอันระงับไปกรณีที่นายจ้างปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน ภายในระยะเวลาที่กำหนด
ซึ่งแน่นอนว่า กฎหมายที่ออกมาย่อมส่งผลดีต่อลูกจ้าง ให้มีสิทธิประโยชน์ในการทำงานมากขึ้น แต่ก็ใช่ว่าจะยังไม่มีลูกจ้างในแบบอื่นๆที่ยังถูกกดขี่จากนายจ้างอยู่ในส่วนตรงนี้กฎหมายก็จะต้องมีการดูแลและพัฒนาให้การดูแลคุ้มครองลูกจ้างอย่างทั่วถึง
การทำงาน ไม่ว่าจะนายจ้าง หรือลูกจ้างการใช้หลัก ใจเขา ใจเรา ยังได้ผลเสมอ สำหรับนายจ้าง หากดูแล เข้าอกเข้าใจ ใส่ใจลูกจ้างได้ดี ลูกจ้างก็จะมีใจรัก เต็มใจพร้อมใจจะทำงานให้ เช่นกัน สำหรับลูกจ้าง ตั้งใจทำงานรู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำในที่ทำงาน ขยันขันแข็ง นายจ้างเห็นมีหรือที่จะไม่รัก เมื่อลงเรือลำเดียวกัน นายจ้างและลูกจ้างก็ควรจะให้ความร่วมมือที่ดีต่อกัน เพราะนั่นส่งผลดีต่อทั้ง 2 ฝ่าย เหมือนกันในปัจจุบัน คนมีงานทำใช่ว่าจะไม่ได้รับความเสี่ยงใดๆ อาจจะถูกไล่ออก หรือ ถูกยกเลิกการจ้างเมื่อใด ดังนั้น หากมีหนทางที่ดีที่จะเป็นการออมเงิน หรือเป็นการบริหารเงินในระหว่างมีงานทำก็ควรที่จะทำ นั่นก็คือ การทำประกันชีวิต ที่จะเป็นการออมอีกรูปแบบ ซึ่งจะครอบคลุมไปถึงการดูแลทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการรักษาด้วย หากสนใจ หรืออยากสอบถามว่า ประกันสุขภาพที่ไหนดี rabbit finance สามารถตอบคำถามและให้คำแนะนำดีๆ สำหรับคุณได้