news
ข่าวสารและบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้
In-house Training
ทางออก การจ้างเหมาแรงงาน ม.๑๑/๑ จะบริหารอย่างไร
เป้าหมายของทุกองค์กร คือการทำกำไร และเพิ่มสัดส่วนการทำกำไร ในทุกๆ ปี ดังนั้น หลายองค์กรจึงใส่ใจกับเรื่องต้นทุน พยายามที่จะควบคุม หรือเข้มงวดที่จะลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบุคลากร
องค์กรต้องจ่ายเงินเดือนค่าจ้างให้กับลูกจ้างเพิ่มขึ้นทุกปี แต่ผลประกอบการอาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่เหมาะสม องค์กรที่มีการใช้กำลังคนจำนวนมาก ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย จึงเกิดการจ้างเหมาแรงงาน หรือที่เรียกว่า “Sub Contract” ซึ่งการจ้างลักษณะนี้ ก็มีการจ้างในหลายประเทศ แม้กระทั่งประเทศอุตสาหกรรมใหญ่ อย่างประเทศญี่ปุ่น แต่ปัญหาการจ้างเหมาแรงงานของประเทศไทยคือ ลูกจ้างของบริษัทรับเหมาแรงงานได้รับผลตอบแทนแตกต่างจากพนักงานของนายจ้างโดยตรง ค่อนข้างมาก ลูกจ้างของบริษัทรับเหมาแรงงาน จะได้รับสวัสดิการเพียง 10 – 20 % เท่านั้น จึงทำให้เกิดการเรียกร้องจากลูกจ้างของบริษัทรับเหมาแรงงานอยู่เนืองๆ
ดังนั้น ทางออก การจ้างเหมาแรงงาน ตาม ม.๑๑/๑ นายจ้างจะต้องบริหารอย่างไร จึงจะรอดพ้นการถูกฟ้อง หรือร้องเรียก ให้นายจ้างต้องจ่ายสิทธิประโยชน์ และสวัสดิการให้แก่ลูกจ้างรับเหมาแรงงานเท่ากับพนักงานของนายจ้างโดยตรง
1) นายจ้างจะต้องลดช่องว่างความแตกต่างในเรื่องสวัดิการ ที่จ่ายให้แก่ลูกจ้างรับเหมาแรงงาน กับพนักงานของนายจ้างโดยตรง อย่างน้อยควรจะต้องมีแผนว่า ภายใน 3 ปี จะปรับเพิ่มสวัสดิการอย่างไร อย่าบ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยง เพราะถ้าปล่อยให้นานไป จะถูกเรียกร้องจากลูกจ้างรับเหมาแรงงานแน่ๆ
2) นายจ้างต้องมีแผนที่ชัดเจนในการปรับเปลี่ยน ลูกจ้างรับเหมาแรงงาน ให้เป็นพนักงานของนายจ้างโดยตรง และในจำนวนสัดส่วนที่เหมาะสม บางคนทำงานมานานกว่า 5 ปีแล้ว ยังไม่มีการพิจารณาปรับเปลี่ยน บางองค์กรมีการเล่นพรรคเล่นพวก คนที่เข้ามาทำงานทีหลัง แต่ได้รับการบรรจุก่อน จนเกิดปัญหาประท้วงบานปลาย เป็นปัญหาแรงงานสัมพันธ์ในองค์กรก็มี
3) การผลิตที่สามารถจ้างบริษัทอื่นทำการผลิตได้ ควรจ้างในลักษณะของการจ้างทำของ หรือที่เรียกว่า Outsource Management แทนการจ้างเหมาแรงงาน ลองคำนวณเปรียบเทียบต้นทุนค่าใช้จ่าย การจ้างทำของ อาจจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายหลายๆ อย่างขององค์กรก็ได้
4) กรณีที่ยังมีความจำเป็นต้องใช้บริการลูกจ้างรับเหมาแรงงานจำนวนมากๆ ควรจะแยกการบริหารแต่ละโรงงาน หรือแต่ละผลิตภัณฑ์ มีการแตกออกเป็นบริษัทย่อยๆ เช่น บริษัท A เป็นบริษัทเก่าแก่ เปิดมากว่า 30 ปี ลูกจ้างได้รับสวัสดิการต่างๆ ที่ดีมาก ดังนั้น ควรจัดตั้งเปิดบริษัทใหม่ บริษัท B ซึ่งมีพนักงานของลูกจ้างรับเหมาแรงงานจำนวนมาก ค่าใช้จ่ายแรงงานต่ำกว่า โดยแบ่งแยกแต่ละโรงงานให้ชัดเจน หรือแยกตามประเภทสินค้า ผลิตภัณฑ์ บริษัท B อาจจะต้องว่าจ้างคนของบริษัท A เข้ามาทำหน้าที่ควบคุมและบริหารงาน เป็นการกระจาย พนักงานและผู้บริหารที่มีประสบการณ์จากโรงงานเก่า ไปบริหารโรงงานเปิดใหม่
แม้การจ้างเหมาแรงงาน จะช่วยทำให้การบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายลดลง การบริหารกำลังคนมีความยืดหยุ่นเพิ่มและลดกำลังคนได้ง่าย แต่ก็ต้องยอมรับว่า ถ้ามีความแตกต่างด้านผลตอบแทนและสวัสดิการที่ค่อนข้างมาก กระแสการเรียกร้องเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมย่อมเกิดขึ้น ไม่ช้าก็เร็ว ณ วันนี้ คำพิพากษาฎีกาได้ชี้แนวทางปฏิบัติให้นายจ้างพึงต้องปฏิบัติแล้ว ขอให้ท่านนายจ้างทั้งหลายได้ลงมือทำเถอะครับ ไม่มีโอกาสให้บ่ายเบี่ยงไปได้มากกว่านี้แล้วครับ